Tuesday, September 24, 2013

สังคม-ตลาด-หมูปิ้ง-เพลงชาติ

     ณ ตลาดแห่งหนึ่งที่มีผู้คนพลุกพล่านในยามเช้า บางคนกำลังอยู่ระหว่างการมุ่งหน้าเดินทางไปทำงาน บางคนก็กำลังออกมาเดินจ่ายตลาดอย่างแม่บ้านทั่วไป ร้านแผงลอยเนืองแน่นเต็มสองข้างทาง บ้างก็เกยเลยล้นออกมาเบียดกินถนนไปหนึ่งเลนจนทำให้รถราที่วิ่งผ่านเส้นทางนี้ต้องชะลอความเร็วลง ภาพบรรยากาศเช่นนี้ทำให้ตลาดที่ดูจ้อกแจ้กจอแจยิ่งดูเนืองแน่นขึ้นไปอีก พ่อค้าแม่ค้าแข่งกันตะโกนเรียกลูกค้า ตั้งแต่ร้านขายข้าวแกงปากทางเข้าตลาด ร้านขายขนมที่อยู่ข้าง ๆ กัน ปาท่องโก๋ โรตีสายไหม และร้านเค้กที่ดูน่าอร่อย ต่างส่งเสียงเชิญชวนและส่งกลิ่นยั่วยวนตลอดทาง
    
ฉันเดินเลี่ยงตลาดออกมาใช้อีกเส้นทางหนึ่งที่ขนานกัน ในวันอาทิตย์ที่ผู้คนบางตา ทางเดินนี้จะแลดูแคบกว่าทางเดินในตลาด แต่ในวันทำงานทั่วไป ทางเดินนี้กลับดูกว้างขวางและผู้คนก็สามารถเดินสวนกันได้สบายกว่าทางเดินในตลาดมาก บนเส้นทางนี้ดูเหมือนทุกคนต่างก็เร่งรีบ ฉันคิดว่าคนที่ใช้เส้นทางนี้คงเป็นเพียงแค่คนสัญจรผ่านตลาดเท่านั้น ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายจะเที่ยวชมหรือแวะซื้อของในตลาด ทั้งสองเส้นทางได้แบ่งแยกผู้คนออกเป็นสองกลุ่มโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมีป้ายบอก
     เส้นทางขนานตลาด “สายเร่งรีบ” นี้ไม่ค่อยมีของขาย จะมีก็เพียงแค่ร้านน้ำมะพร้าวสดที่ขายเคียงกับร้านน้ำส้มคั้นสด ผู้คนที่เร่งรีบเดินผ่านโดยแทบจะไม่มีคนให้ความสนใจร้านค้าทั้งสอง แต่ถัดไปอีกเพียงประมาณสี่ถึงห้าเมตร มีร้านขายหมูปิ้ง ร้านนี้กลับไม่เงียบเหงาเหมือนร้านขายน้ำที่ฉันเพิ่งเดินผ่านมา
     คนเดินผ่านไปผ่านมาแวะซื้อหมูปิ้งคนละสองสามไม้ บ้างก็ซื้อข้าวเหนียวด้วย ฉันคิดว่าหมูปิ้งสามารถจัดเป็น Fast Food แบบไทย ๆ ได้เลย เพราะขายคล่องมากบนทางเดินเส้นนี้ ตรงนี้อาจจะเป็นข้อคิดได้สำหรับคนที่สนใจธุรกิจได้ไม่มากก็น้อย แต่เรื่องที่ทำให้ฉันต้องเก็บมาคิดในวันนี้ มันเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก

“ธงชาติและเพลงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เราจงร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ
ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชและความเสียสละของบรรพบุรุษไทย”

     หลังสิ้นเสียงเกริ่นนำ ฉันก็เดินมาถึงหน้าร้านขายหมูปิ้งพอดิบพอดี ฉันหยุดเดินและหันหน้าไปในทิศของต้นเสียง แม้ว่าฉันจะไม่เห็นเสาธงสักต้น แต่ฉันก็เชื่อว่าฉันกำลังจะยืนตรงเคารพธงชาติที่กำลังจะถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาที่ไหนสักแห่ง
     ภายใต้สภาวะที่ฉันกำลังหยุดนิ่งเพื่อเคารพสิ่งที่ฉันเรียกว่า “ชาติ” บรรยากาศรอบตัวกลับกำลังตกอยู่ในห้วงความรู้สึกสุดประหลาด ผู้คนอีกหลายคนกำลังสอดส่ายสายตาในเชิงประเมินว่าเขาควรทำตัวเช่นไร เขาควรจะหยุดยืนตรงหรือไม่ หรือเขาควรจะเดินต่อไปในเส้นทางสายเร่งรีบ เพื่อให้เส้นทางสายนี้ยังคงดูเร่งรีบเช่นเดิม บรรยากาศวัดใจเช่นนี้เกิดขึ้นในช่วงท่อนที่หนึ่งและสองของบทเพลง และหลังจากนั้น ทุกคนก็หยุดเดิน แม้จะดูไม่ค่อยสงบนิ่งสักเท่าไรแต่ถนนเส้นนี้ รวมไปถึงในตลาด ก็แลดูจะหยุดนิ่งเพื่อชาติเป็นเวลาหนึ่งบทเพลง
     ช่วงเวลาหนึ่งบทเพลงที่ทุกคนเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อเวลาของชาติ ฟังดูแล้วก็ดูยิ่งใหญ่ทีเดียว แม้ว่าฉันไม่แน่ใจนักว่าผู้คนที่เร่งรีบเหล่านั้นเขาเต็มใจที่จะเสียสละเวลานี้หรือไม่ ภายในหนึ่งบทเพลงใช้เวลาไม่น่าเกินหนึ่งนาที หมูปิ้งบางไม้ที่วางอยู่บนเตาไม่อาจจะทนความร้อนได้นานขนาดนั้น มันเริ่มไหม้ คนขายหมูปิ้งยืนมองเหมือนรู้ว่ามีไม้ไหนจะไหม้แล้วบ้าง แต่เขาก็ไม่เอื้อมมือไปพลิกหมูไม้นั้น เขายังคงยืนตรงสงบนิ่งให้จนบทเพลงแสดงความเป็นชาติเพลงนั้นจบลง เขาจึงเอื้อมมือไปคว้าหมูปิ้งที่ไหม้ทิ้งไป ฉันมองด้วยความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง

     บางที การปล่อยให้หมูปิ้งไหม้ทิ้งไป มันก็ดูเป็นการกระทำที่โง่เขลา

     บางที เพียงแค่เขาเอื้อมมือมาจัดการพลิกมักสักไม่กี่วินาที ก็คงไม่เสียของ

     บางที การเสียหมูปิ้งไปนั้น ก็อาจนับเป็นการเสียสละเพื่อชาติก็ได้

     แม้ว่าผู้คนจะเร่งรีบ
     แม้ว่าฉันจะไม่มั่นใจว่าเขาเต็มใจจะเสียสละเวลาหนึ่งบทเพลงเพื่อชาติหรือไม่
     แต่ฉันมั่นใจว่า ก็ยังมีคนที่ภาคภูมิใจและพร้อมจะเสียสละเพื่อชาติได้
    
แม้บางทีมันอาจจะดูไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ก็ตาม

เป็นห่วงนะ

“มาไม่สบายตอนช่วงสอบนี่มันลำบากอยู่เหมือนกันนา”
“พี่รู้ใช่ไหมว่าหนูกำลังไม่สบาย”
“รู้สิ ก็เห็นบ่นอยู่ว่าหนาว ๆ ลุกไม่ไหว”
“ถึงภาษาหนูจะอ่อนอยู่บ้าง แต่ก็มีคนคิดว่าหนูขี้เกียจ”
“อีกอย่าง พี่ก็เห็นน้องว่ามีอาการตั้งแต่เมื่อวานแล้วนิ”
“ง่า รู้ได้ไง?”
“ก็เห็นว่าน้องบ่น ๆ อยู่นะ ว่ารู้สึกป่วย ๆ อะไรอย่างนี้”
“อื้อ เป็นไข้ทับฤดูน่ะ พี่รู้จักไหม?”
“ครับ รู้จักครับ”
“ทรมานแท้ นี่หนูกำลังจะงีบ แล้วจะลุกมาอ่านหนังสือต่อ”
“นอนห่มผ้าอุ่น ๆ นะน้อง มีถุงน้ำร้อนมานอนกอดด้วยก็จะดี”
“ค่ะ”
“แล้วมียาพอนสแตนกินไหมอ่ะน้อง”
“ไม่มีค่ะ ฮือๆๆ”
“งั้นก็อดทนหน่อยนะน้อง พักผ่อน หายไว ๆ . . . จริง ๆ ถ้าให้พี่เลี้ยงหายามาให้กินด้วยก็น่าจะดีนะ ช่วงสอบนี่ถ้าต้องอ่านหนังสือด้วย พี่เป็นห่วงว่าจะไม่ไหว”
.
.
.

Friday, September 13, 2013

วันนี้มีเรื่องปกติ

เช้านี้ไม่มีแดด

     แม่บ้านคนหนึ่งตื่นขึ้นมาซักผ้า ทำหน้าที่ดูแลบ้านและรับผิดชอบเรื่องในบ้านทั้งหมด ในขณะที่สามีออกไปทำงานนอกบ้านและจะกลับมาบ้านหลังตะวันตกดินในตอนเย็น ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติที่สุดตลอดทั้งเช้า

เว้นแต่เพียงว่า เช้านี้ไม่มีแดด
.
.
.

บ่ายนี้ฝนกำลังตก

     ชายคนหนึ่งกำลังนั่งมองฝนตกริมหน้าต่างที่ร้านกับข้าวแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบริษัทที่เขาทำงานอยู่ เพียงข้ามถนนเท่านั้นเขาก็สามารถกลับไปทำงานต่อได้ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พกร่มมา เขาจึงได้แต่มองฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ภายในช่วงเวลาพักกลางวัน
     อีกห้านาทีจะบ่ายโมงแล้ว เขาต้องรีบกลับไปบริษัทก่อนที่เขาจะเข้าทำงานรอบบ่ายสายเกินไป แต่ฝนก็ยังไม่หยุดตก บางทีเขาควรจะขอยืมร่มจากร้านกับข้าวแล้วเดินกลับไปที่บริษัทก่อน จากนั้นก็หยิบยืมร่มจากเพื่อนในบริษัทเพื่อถือร่มของร้านกับข้าวมาคืน แต่เขามีเวลาเพียงห้านาที ชายคนนั้นตัดสินใจขอยืมร่มของร้านกับข้าวเพื่อกลับบริษัทให้ทันเวลางาน
     ร้านกับข้าวใจดีบอกว่าไว้ค่อยเอาร่มมาคืนหลังเลิกงานก็ได้ ทุกอย่างที่บริษัทดำเนินไปได้อย่างปกติตลอดทั้งบ่าย

เว้นแต่เพียงว่า บ่ายนี้ฝนกำลังตก
.
.
.

เย็นนี้การจราจรติดขัด

     ตำรวจจราจรในชุดกันฝนสีส้มสว่างสดใสกำลังเดินท่ามกลางสายฝนบริเวณสี่แยกแห่งหนึ่ง เขาโบกไม้โบกมือกวักเรียกกลุ่มรถจากทางหนึ่งให้วิ่งไปอีกทางหนึ่ง ในขณะที่ต้องห้ามรถอีกฝูงที่กำลังจะวิ่งตัดเส้นทางกัน
     โชคดีที่วันนี้ฝนตก ควันพิษจากรถแต่ละคันถูกสายฝนชะลงบนพื้นถนน แม้ว่าจะเฉอะแฉะอยู่บ้าง แม้ว่าการทำงานของเขาจะลำบากกว่าเดิมเพราะถนนแออัดกว่าปกติ
     เขาเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเรื่องของฝนบนฟ้ามันเกี่ยวกับการจราจรได้อย่างไร แต่เขาก็ได้ออกมาทำหน้าที่ตามปกติ ดูแลหนึ่งในทางแยกที่มีอยู่นับพันในเมืองนี้ ไม่มีอุบัติเหตุ ทุกอย่างก็ดูเป็นปกติแม้ว่าฝนจะไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

เว้นแต่เพียงว่า เย็นนี้การจราจรติดขัด
.
.
.

คืนนี้ไม่ต้องเปิดแอร์

     เด็กชายวัยเก้าขวบกำลังจะเข้านอนตอนสองทุ่มครึ่ง เขาเพิ่งทำการบ้านเสร็จเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน คุณครูให้การบ้านทุกวัน วันนึงประมาณสามถึงสี่วิชา เด็กชายนั่งทำการบ้านตั้งแต่อยู่บนรถยนต์ที่มีคุณพ่อเป็นคนขับ รถติดนิ่งอยู่หลายนาที เด็กชายเขียนหนังสือบนรถได้อย่างสบายใจ ในขณะที่คุณพ่อมีท่าทางเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย
     กว่าจะถึงบ้าน การบ้านของเด็กชายก็เสร็จไปถึงสองอย่างแล้ว เด็กชายกลับถึงบ้านก็นั่งทำการบ้านต่อ ในขณะที่คุณแม่ก็จัดเตรียมอาหารเย็นไว้พร้อมแล้ว เด็กชายกินไปทำการบ้านไป แอบอู้ดูโทรทัศน์บ้าง กว่าจะเสร็จก็สองทุ่มเข้าไปแล้ว หลังจากการบ้านเสร็จ เด็กชายก็อาบน้ำ แปรงฟัน และเข้านอนก่อนสามทุ่มจนได้ ห้องนอนเย็นสบาย ฝนยังไม่หยุดตก แค่เปิดพัดลมเบา ๆ ก็นอนหลับสบายดีแล้ว
     วันนี้ฝนตกทั้งวัน แต่กิจวัตรทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติดี ได้ดูโทรทัศน์ที่ตัวเองชอบ และการบ้านก็เสร็จเรียบร้อย

เว้นแต่เพียงว่า คืนนี้ไม่ต้องเปิดแอร์
.
.
.
.
.

ราตรีนี้ฉันฝันถึงเธอ

     ทุก ๆ วัน ฉันใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่แต่ละวันควรจะเป็น ทุกอย่างสำเร็จตามเป้าหมาย เร็วกว่ากำหนดบ้าง ช้ากว่ากำหนดบ้าง แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็ดูปกติที่สุดเหมือนในทุก ๆ วัน

เว้นแต่เพียงว่า ราตรีนี้ฉันฝันถึงเธอ