ตาเราสามารถมองเห็นโลกเป็นภาพ 2 มิติ
เมื่อเรามีตาสองข้างที่มองพุ่งตรงไปข้างหน้า และสมองเราสามารถตีความภาพ 2 มิติ ทั้งสองภาพให้รวมกันเป็นภาพเพียง 1 ภาพที่สามารถกะระยะแนวลึกได้ ทำให้เราเข้าใจภาพที่เราเห็นเป็น 3 มิติ
มนุษย์เราพยายามอธิบายและศึกษาโลกในแนวสามมิติมาตลอดโดยเฉพาะในเชิงฟิสิกส์ แต่เรากลับพบว่ามันเป็นการอยากเหลือเกินที่จะอธิบายเพื่อหาคำตอบให้กับสมการ 3 ตัวแปร บ่อยครั้งเราจึงมักศึกษาลักษณะ 3 มิติโดยการ project ลงบนภาพ 2 มิติก่อน เพื่อให้เราสามารถเข้าใจมันได้ง่ายขึ้น
แต่ความจริงแล้วโลกเราไม่ได้มีเพียง 3 มิติ
เพียงแค่เราลองคิดเพิ่มไปอีก 1 มิติ คือ มิติที่เป็นมิติของเวลา มนุษย์หลายคนก็ไม่อาจจะทำความเข้าใจมันได้แล้ว บางทีอาจจะเข้าใจแต่ก็มักจะสับสน เมื่อเวลามีการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างในมิตินั้นก็ย่อมเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น วันนี้ "ฉันอยากกินไอติม" เรื่องแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า "ฉันอยากกินไอติม" ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หรือวันพรุ่งนี้ “ฉันอยากกินไอติม” อยู่เช่นเดิม เป็นต้น ในมิติของเวลาเช่นนี้ หลายคนชอบเลือกที่จะเก็บความทรงจำแบบ freeze มิติของเวลาเอาไว้ บางคนจึงผูกใจเจ็บเก็บความโกรธความไม่พอใจต่อบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ ในขณะที่ก็มีบางคนที่เชื่อมั่นในความดีของบางสิ่งบางอย่างเสียจนไม่ลืมหูลืมตา
นี่ยังไม่ได้พูดถึงมิติทางความคิด ความรู้สึกเลยนะเนี่ยะ
ในขณะที่มนุษย์เราพยายามปรับความเป็นจริงหลายมิติ โดย project เพื่อลดมิติลงเรื่อย ๆ ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น แต่นั่นกลับทำให้สิ่งที่เราเข้าใจก็ไกลจากความเป็นจริงขึ้นทุกที
เมื่อไรเขาจะเลือนไปและเมื่อไรฉันจะอยู่ ...ในมิติของเธอ