วันนี้ผมต้องมาเปิดประเด็นซีเรียสกันนิดนึงอีกแล้วนะครับ เป็นประเด็นการเมืองอีกแล้วล่ะสิ จากกระแสใหม่บนเฟสบุคที่เริ่มมีคนออกมาด่ารัฐบาลกันอีกครั้ง ตามรูปที่เห็นข้างล่างนี้เลย
ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าการพาดหัวของหนังสือพิมพ์สมัยนี้ หลายครั้งหลายคราก็ดูจะจาบจ้วงเกินไปหน่อย ยิ่งในยุคที่คนมักจะอ่านย่อๆ อ่านสั้นๆ แล้วพร้อมที่จะวิจารณ์ทันทีเช่นนี้ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่เหมือนเป็นการซ้ำย้ำรอยแตกแยกให้มันแหลกลงไม่มีชิ้นดี
จากพาดหัวนี้ ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ที่เพิ่งออกข่าวไปหมาดเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งพอเห็นคำว่า “อภัยโทษ” หลายคนก็เริ่มร้องโวยวายขึ้นทันทีว่านี่อาจเป็นแผนการเนียนอภัยโทษให้กับผู้หนีอาญาแผ่นดิน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นได้ แต่เดี๋ยวก่อนนะครับอยากให้ใจเย็นๆ กันนิดนึง
ในช่วงแรกผมเองก็ยังไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก เพราะเท่าที่ตามอ่านจากที่แสดงความเห็นกัน ก็ยังไม่ได้ข้อมูลเนื้อหาอะไรมากมายนัก เท่าที่เห็นก็มีเพียงคำว่า "อภัยโทษ" และตามด้วยคำด่า อีกสักโหลนึงได้
อันที่จริงแล้ว พระราชกฤษฎีกาในลักษณะนี้ ผมคิดว่าผมเห็นอยู่แทบทุกปี
โดยเฉพาะปีที่เป็นวโรกาสสำคัญต่างๆ ก็จะเห็นการพระราชทานอภัยโทษมากเป็นกรณีพิเศษ ประมาณว่า ลดโทษให้นักโทษในคุก สำหรับนักโทษชั้นดี ฯลฯ ถวายเป็นพระราชกุศล ในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ซึ่งเวลานี้ก็ใกล้แล้ว ซึ่งปีที่แล้ว รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มีออกพระราชกฤษฎีกาเช่นนี้เหมือนกัน
<<<คลิกอ่าน พรฎ. ปีที่แล้ว เป็น pdf ตาม link นี้>>>
เป็นอันว่า...ผมก็เห็นเป็นเรื่องดีที่จะระแวงกันไว้ก่อน จะได้มีการตรวจสอบพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้อย่างละเอียดทุกอักษร
===================================
หลังจากที่ได้อ่าน พระราชกฤษฎีกาปี 2553 กันแล้ว ข้อสังเกตุที่ทำให้ พระราชกฤษฎีกาปีนี้ (15 พ.ย. 54) เป็นที่สนใจ ก็เพราะพระราชกฤษฎีกาปีนี้ มีการตัดคำแนบท้ายจาก พระราชกฤษฎีกาปี2553 ออก ในประโยคที่ว่า
"ผู้คนที่เข้าข่ายได้รับอภัยโทษจะต้องเป็นโทษที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด
และไม่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น"
นั่นหมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าข่ายการได้รับอภัยโทษด้วย ช่างแลดูเป็นความตั้งใจของรัฐบาลนี้จริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม ตามพระราชบัญญัติอภัยโทษ ก็ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า
“ยกเว้น คดียาเสพติด และคดีคอร์รัปชั่น
จะไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ”
ซึ่งตามหลักกฎหมายไทยก็เรียงลำดับง่ายๆ ได้ว่า
รัฐธรรมนูญ > พระราชบัญญัติ > พระราชกฤษฎีกา
หมายความว่า แม้มีการพระราชกฤษฎีกาโดยตัดคำแนบท้ายออกไป พระราชบัญญัติก็ยังมีเนื้อหาครอบคลุม และมีผลบังคับใช้ด้วย นั่นก็คือ "คดียาเสพติด และคดีคอร์รัปชั่น จะไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ"
ปัญหาที่ควรเป็นประเด็นถกเถียง ความจริงแล้วอาจอยู่ตรงที่...
พระราชกฤษฎีกาที่ไม่เขียนระบุลงไป
จะถือว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาที่ขัดพระราชบัญญัติหรือไม่?
แต่ด้วยวิจารณญาณแล้ว พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ก็ไม่ได้ขัดพระราชบัญญัติแต่ประการใด จึงมีผลบังคับใช้ได้ ซึ่งก็ไม่ได้เอื้อประโยชน์แก่ พ.ต.ท.ทักษิณแต่ประการใด เพราะพระราชบัญญัติมีอำนาจเหนือพระราชกฤษฎีกาอยู่แล้ว แต่หากมองว่าพระราชกฤษฎีกานี้ขัดกับพระราชบัญญัติ นั่นก็หมายความว่า พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นโมฆะ ไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่แรก…นักโทษที่มีสิทธิ์ได้รับอภัยโทษในข้อหาอื่นๆ ก็จะไม่ได้รับอภัยโทษกันทั้งบาง
ไม่ว่าผลจะออกมาประการใด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด
การออกพระราชกฤษฎีกาแบบจงใจตัดข้อความบางอย่างออกเช่นนี้
จึงเป็นที่น่าจับตามองมาก
ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจเพื่อไม่ให้มีใจความซ้ำซ้อนกับ พรบ.
หรือเป็นการตั้งใจเพื่อจะเนียนใช้ พรฎ. แล้วมองข้าม พรบ. อันนี้ก็ไม่อาจทราบได้
การกระทำครั้งนี้ จึงไม่เป็นการดีเลยสำหรับรัฐบาล
ที่มีคนจ้องขัดขา พร้อมกระทืบซ้ำอยู่ทุกหนทุกแห่ง
No comments:
Post a Comment