มีคนเคยพูดกับผมว่า “ทำไมต้องคิดอะไรสวนทางกับคนอื่นเขาด้วยอ่ะ”
ผมตอบ “ไม่รู้สิ”
เขาถามต่อไปว่า “เวลาที่ต้องคิดขัดแย้งตลอดเวลาเนี่ยะ ไม่เหนื่อยบ้างหรอไง”
ผมยังคงตอบว่า “ไม่รู้สิ”
เขายังคงคาดคั้นต่อไป “เนี่ยะ พอถามดีๆ ก็ชอบกวนตีน”
ผมยังคงตอบว่า “อ้าว! ก็ไม่รู้จริงๆ อ่ะ”
.
.
.
ผมเห็นสีฟ้า เป็นสีฟ้าสวยงามแบบที่ผมเห็นตั้งแต่เกิด
ผมเริ่มคิด
“คนอื่นจะเห็นสีฟ้าแบบเดียวกับที่ผมเห็นหรือเปล่านะ?”
ผมอาจเห็นสีฟ้าในแบบของผม คนอื่นอาจเห็นสีฟ้าเป็นอีกแบบนึงก็ได้
แต่เราก็จดจำกันเองว่าสีฟ้าของแต่ละคนเป็นยังไง
.
.
ผมคิดต่อไป
หรือสีฟ้าที่ผมเห็นคนอื่นอาจเห็นเป็นสีส้ม
แต่เขาก็แยกแยะได้ว่าสีที่เขาเห็นคือสีฟ้า
สีฟ้าของผม มันงดงามในสายตาของผม มันไปเข้าคู่กับอะไรก็ดูดีไปหมด
แต่ถ้าคนอื่นไม่ได้เห็นสีฟ้าแบบที่ผมเห็นล่ะ
ถ้าเขาเห็นสีฟ้าเป็นสีส้มจริงๆ
เขาก็คงไม่คิดว่าการเอาสีฟ้าไปคู่สีเขียวเป็นเรื่องที่ดูดีมากนัก
.
.
บางที
สีที่แต่ละคนในโลกนี้เห็น อาจมีความแตกต่างกันมาก
แต่เราจะรู้ได้ไงว่าต่างกันจริงๆ เพราะเราก็คงมองผ่านสายตาของใครไม่ได้
มันไม่ใช่แค่การเอาลูกตาคนอื่นมาใส่
เพราะสมองเราต่างหากที่แปลผลสีต่างๆ ที่เห็นให้เราจดจำ
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ล่ะ
ไม่ว่าผมจะเอาตาใครมาใส่ ผมก็ยังเห็นสีฟ้าเป็นสีฟ้าที่ผมคุ้นเคยอยู่ดี
หรือว่าเราอาจจะต้องเปลี่ยนสมอง
ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วเราจะจำได้ยังไงว่าสีฟ้าที่เราเคยเห็นเป็นเช่นไร
ดังนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรู้ว่าคนอื่นเห็นสีฟ้าเป็นยังไง
.
.
เพราะโลกที่เห็นอาจจะแตกต่างกัน
ภาพที่เราเห็นอาจจะแตกต่างกัน
ต่างคน ต่างมุมมอง
ต่างคน ต่างความคิด
ต่างคน ต่างความรู้สึก
.
.
.
ผมอาจเป็นหนึ่งในคนที่มองเห็นสีต่างๆ ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่
ผมอาจไม่ใช่คนที่ตาบอดสี
แต่ผมอาจเป็นคนสมองบอดสี ถ้าเทียบกับคนอื่นทั่วไป โดยที่ผมไม่รู้ตัว
โลกที่ผมเห็นจึงแตกต่าง
แต่โลกที่ผมอยู่ ก็คือโลกใบเดียวกับทุกคน
.
.
.
ผมเริ่มกลับไปตอบคำถาม
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า “ผมไม่ได้กวนตีน”
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า “ผมก็ไม่ได้เหนื่อยที่คิดขัดแย้ง”
ผมรู้สึกโชคดี
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า “ผมเป็นคนสมองบอดสี” ภาพที่ผมเห็นจึงไม่เหมือนใคร
1 comment:
เราไม่มีทางรู้ว่าสีที่เห็นนั้นเป็นสีเดียวกับที่คนอื่นหรือป่าว แต่สิ่งที่รู้คือทุกคนก็เรียกสีที่เห็นด้วยชื่อที่เหมือนกัน บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะทุกคนมีความรู้สึกถึงสีที่เห็นต่างกันก็เป็นได้
Post a Comment