Tuesday, December 20, 2011

หนึ่งคำกระตุ้นความคิด

“ถ้าสุขภาพใจดี อะไรๆ ก็ดีได้เนอะ
ก็มีคนเป็นกำลังใจให้ไง
เอกก็เป็นส่วนหนึ่ง
มีกัลยาณมิตรช่างดีจริงๆ ส่งเสริมความเจริญให้ชีวิต”

          ในชีวิตนี้ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครเรียกผมว่า “กัลยาณมิตร” ตรงๆ แบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไปจากแค่คำว่าเพื่อนที่ดี คงเป็นเพราะคำศัพท์มันดูหรูหราขึ้นล่ะมั้ง พอได้ยินคำพูดที่พูดถึงตัวเองทีไร ผมมักจะใช้เวลาพิจารณาตัวเองอยู่เสมอ อธิบายตัวเองอีกครั้งว่าตัวเองมีบุคคลิกอย่างไร มีความคิดอย่างไร เวลากว่าหนึ่งในสี่ของชีวิตผม ผมใช้เพื่อพิจารณาตัวเอง ไม่ว่าทุกคนจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่ผมเรียนรู้อย่างจริงจังที่สุดและผมรู้ดีที่สุด คือ “ตัวผมเอง”

          ผมก็ไม่รู้ว่า ผมมีค่าคู่ควรถึงคำว่ากัลยาณมิตรนั่นหรือเปล่า ถ้าให้พูดกันตามตรง ผมเองก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรให้เป็นกัลยาณมิตร ด้วยสมองที่บอดสีของผม ผมมักมองโลกในมุมที่ต่างจากคนอื่นเล็กน้อย นั่นคงเป็นหนึ่งในการกระทำเล็กๆ ของผม ที่ทำให้ผมเป็นคนที่ต่างจากคนอื่น

หากคุณเห็นโลกสดใส ผมว่ามันก็ไม่ได้สดใสอย่างที่คุณเห็น
แต่เมื่อคุณเห็นโลกเป็นศัตรู ผมว่าโลกมันก็ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คุณคิด
ผมไม่ได้คิดต่าง
ผมไม่ได้ต่อต้าน

…ทุกขณะ…
…ทุกเวลา…
…ทุกวินาทีที่หัวใจผมเต้น…
ผมเห็นโลกทั้งสองมุมมองในเวลาเดียวกัน

นั่นคือเหตุผลว่า เพราะอะไร?
ผมถึงดูไม่สนุก ไม่เฮฮามากมาย ในเวลาที่ผู้คนสังสรรค์กันอย่างครื้นเครง
และ
ผมถึงดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน ในยามที่เหมือนจะหมดสิ้นหนทาง หรือเผชิญหน้ากับปัญหา

          ด้วยบุคคลิกส่วนตัวที่เป็นแบบนี้ ผมคงเป็นที่พึ่งได้สำหรับคนที่ต้องเผชิญกับปัญหา คนที่รู้สึกสิ้นหวัง ผิดพลาด หรือคิดว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน เพราะความคิดของผม คงช่วยจุดประกายความหวังเล็กๆ ขึ้นในใจทุกคน แต่สำหรับคนที่กำลังมีความสุขล้นอยู่ ผมก็คงเป็นเหมือนเมฆหมอก ที่บดบังความสวยงามที่อยากเห็นจนทำให้เห็นเพียงลางเลือน

          ที่เขียนอยู่นี้ก็เป็นตัวอย่างของความคิดสองมุมมองที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในหัวของผมเอง มันเป็นแบบนี้เสมอๆ ผมไม่ได้ดูแคลนตัวเอง ผมไม่ได้ภาคภูมิใจในตัวเองที่เป็นแบบนี้ ผมเพียงแค่ “เข้าใจตัวเอง” ก็เท่านั้นเอง

ขอบคุณ
คำว่า กัลยาณมิตร ที่มอบให้
จะขอเป็นตัวแทนของผู้ไม่เคยสิ้นหวังสืบไป

No comments: